การเพาะเมล็ด
เป็นวิธีที่พบได้น้อย เพราะไผ่ออกดอกและติดเมล็ดน้อยมาก แต่หากมีโอกาสใช้เมล็ด ถือเป็นวิธีที่ง่ายและเหมาะกับการเพาะขยายพันธุ์จำนวนมากในระยะแรกเริ่ม การเพาะเมล็ดเหมาะสำหรับการ ผลิตต้นกล้าในจำนวนมาก โดยเฉพาะในงานปรับปรุงพันธุ์ การอนุรักษ์พันธุ์ และการปลูกในพื้นที่ใหม่ แต่ข้อจำกัดคือ ไผ่ไม่ติดเมล็ดบ่อย และ ต้นที่ได้อาจไม่เหมือนพันธุ์เดิม เพราะเป็นการสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศ
การคัดเลือกเมล็ดพันธุ์
- เลือกเมล็ดจาก ต้นไผ่แม่พันธุ์ที่แข็งแรง ออกดอกสมบูรณ์ และมีประวัติให้ผลผลิตดี
- เก็บเมล็ด ในระยะสุกเต็มที่ (เปลือกเปลี่ยนจากเขียวเป็นเหลืองน้ำตาล)
- เลือกเมล็ดที่ สมบูรณ์ ไม่ลีบ ไม่แตก ไม่ขึ้นรา
- หากมีน้ำให้แช่น้ำเกลือเจือจาง (5%) แล้วเลือกเฉพาะเมล็ดที่ จมน้ำ เท่านั้น
การเตรียมวัสดุและพื้นที่เพาะ
- ภาชนะเพาะ: ถุงดำ ขวดพลาสติกตัดครึ่ง ถาดเพาะ หรือแปลงเพาะ
- วัสดุเพาะ: ใช้ดินร่วนผสมแกลบดำหรือขี้เถ้าแกลบ อัตราส่วน 1:1 หรือ ดินร่วน:ปุ๋ยคอกเก่า:แกลบดำ = 2:1:1
- นำเมล็ดมาแช่น้ำ อุณหภูมิห้อง 6–12 ชม. ก่อนเพาะ เพื่อเร่งการงอก
- เตรียมพื้นที่เพาะในที่ ร่มรำไร ไม่โดนฝนโดยตรง
วิธีการเพาะเมล็ด
- หยอดเมล็ดลงในถุงหรือถาดเพาะ ถุงละ 1–2 เมล็ด
- กลบด้วยวัสดุบาง ๆ ประมาณ 0.5 ซม. (อย่ากลบลึกเกินไป)
- รดน้ำให้ชุ่มวันละ 1–2 ครั้ง (อย่าให้แฉะจนรากเน่า)
- เมล็ดจะเริ่มงอกภายใน 5–10 วัน แล้วแต่พันธุ์และความสมบูรณ์
- เมื่อต้นกล้ามีอายุ 1–2 เดือน และมีใบแท้ 2–3 ใบ สามารถย้ายลงแปลงปลูกหรือถุงใหญ่ได้
- ปรับแดดทีละน้อยเมื่อต้นแข็งแรงก่อนนำไปปลูกลงแปลงจริง
แนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพในการเพาะเมล็ดไผ่
เพื่อให้ได้ต้นกล้าที่แข็งแรง อัตราการงอกสูง และลดความสูญเสียระหว่างการเพาะ ควรปฏิบัติดังนี้
การจัดการเมล็ดก่อนเพาะ
- แช่น้ำอุ่น (40–45°C) 4–6 ชั่วโมง ก่อนเพาะ เพื่อกระตุ้นการงอก
- ใช้ สารกระตุ้นการงอก เช่น ฮอร์โมน NAA หรือ GA3 เจือจาง แช่เมล็ดก่อนเพาะ 6–12 ชั่วโมง
- เลือกเมล็ดสดใหม่ ไม่เกิน 3–6 เดือนหลังเก็บ (หากเก็บไว้นาน ควรเก็บในตู้เย็นอุณหภูมิ 4–10°C)
การปรับปรุงวัสดุเพาะ
- ใช้วัสดุโปร่ง ร่วนซุย มีอินทรียวัตถุสูง เช่น ขี้เถ้าแกลบ + มูลวัวเก่า + ขุยมะพร้าว
- พ่นสารป้องกันเชื้อรา เช่น ไตรโคเดอร์มา หรือสารชีวภาพป้องกันรากเน่าในวัสดุเพาะ
- ตรวจวัด pH ของวัสดุเพาะให้อยู่ระหว่าง 5.5 – 6.5 ซึ่งเหมาะกับการงอกของไผ่
การควบคุมสภาพแวดล้อม
- ใช้ พลาสติกคลุมแปลงหรือโดมใส เพื่อรักษาความชื้นและอุณหภูมิให้สม่ำเสมอ
- ป้องกันน้ำฝนโดยการเพาะในโรงเรือน หรือใช้หลังคาโปร่งแสง
- ให้แสงแดด ประมาณ 50–60% (แสงรำไร) เพื่อป้องกันการยืดต้นและไหม้ใบ
การดูแลหลังงอก
- ใช้น้ำรดแบบพ่นฝอยเพื่อลดแรงกระแทก
- เมื่องอกแล้วให้ ลดการรดน้ำลง เหลือวันละครั้งหรือวันเว้นวัน
- หากมีการคัดเลือกต้นกล้า ให้เลือกต้นที่ใบเขียว ลำต้นอวบ ไม่มีรอยโรคหรือแมลง
การเตรียมก่อนย้ายปลูก
- ต้นกล้าควรอายุ 1.5 – 2 เดือน มีใบแท้ 3–5 ใบ และรากสมบูรณ์
- ฝึกปรับแสงให้ต้นกล้าคุ้นแดดโดยการเปิดแสงเพิ่มขึ้นทีละ 20–30% ต่อวัน
- หยอดปุ๋ยชีวภาพหรือปุ๋ยหมักละลายน้ำอ่อน ๆ ก่อนย้ายเพื่อเพิ่มแรงต้น
ข้อดี
- ต้นทุนต่ำ
- เหมาะสำหรับเพาะจำนวนมากในช่วงเริ่มต้น
- ใช้ในการปรับปรุงพันธุ์/อนุรักษ์พันธุ์หายาก
ข้อจำกัด
- ไผ่ออกเมล็ดยากมาก (ออกดอกเป็นรอบ 30–60 ปี)
- ต้นกล้าที่ได้ ไม่เหมือนพันธุ์แม่แน่นอน (กลายพันธุ์ได้ง่าย)
- โตช้าในระยะแรกเมื่อเทียบกับการชำหรือตอน
การพัฒนากระบวนการเพาะเมล็ดไผ่ให้มีประสิทธิภาพ จะช่วยให้ต้นกล้ามีคุณภาพ ลดต้นทุนระยะยาว และสามารถนำไปต่อยอดในเชิงพาณิชย์หรืองานอนุรักษ์ได้อย่างยั่งยืน