การแปรรูป

หน่อไม้ดอง (Fermented Bamboo Shoot)

หน่อไม้ดอง (Fermented Bamboo Shoot)

วัตถุดิบหลัก

หน่อไผ่สด (เช่น ไผ่ตง, ไผ่กิมซุง, ไผ่เลี้ยงหวาน ฯลฯ) ที่อ่อนและปลอดสาร

ประเภทของหน่อไม้ดอง

  • แบบเปรี้ยวธรรมชาติ (ดองด้วยน้ำเกลือและเวลา)
  • แบบเปรี้ยวเร่ง (เติมน้ำหมักหรือน้ำส้ม)
  • แบบแห้ง (หน่อดองแห้งหมักไว้สำหรับใส่แกง)

ขั้นตอนการแปรรูป (สูตรพื้นบ้านมาตรฐาน)

  1. ปอกเปลือกหน่อไผ่ หั่นเป็นชิ้น (แบบฝอย/เส้น/ท่อน)
  2. ล้างน้ำสะอาดให้หมดน้ำยาง
  3. ต้มหรือลวกในน้ำเดือด 5–10 นาที (เพื่อลดความขมและฆ่าเชื้อ)
  4. ใส่ภาชนะหมัก (โอ่ง ถังดอง ฯลฯ)
  5. เติมน้ำเกลือ (เกลือ 1–1.5%) จนท่วมหน่อไม้
  6. ปิดฝาให้แน่น หมักไว้ 5–10 วัน แล้วแต่รสชาติที่ต้องการ
  7. เมื่อได้รสที่ต้องการให้ แยกบรรจุในถุง/ขวด พร้อมน้ำเกลือพอประมาณ

การเก็บรักษา

หน่อไม้ดองสามารถเก็บในตู้เย็นได้นาน 1–2 เดือน หรือฆ่าเชื้อบรรจุร้อนเพื่อเก็บแบบ shelf-stable

จุดเด่น

  • เป็นผลิตภัณฑ์ยอดนิยมในอาหารไทย–อีสาน
  • ต้นทุนต่ำ ทำง่าย ขายง่ายในชุมชน
  • พัฒนาเป็นแบรนด์ชุมชน หรือสินค้า GI ได้
ชาใบไผ่ (Bamboo Leaf Tea)

ชาใบไผ่ (Bamboo Leaf Tea)

วัตถุดิบหลัก

ใบไผ่สดจากพันธุ์ที่มีสารออกฤทธิ์สูง เช่น ไผ่หม่าจู ไผ่ซางหม่น ไผ่เลี้ยงลำ

คุณสมบัติของใบไผ่

  • มีสารซิลิกา (Silica), ฟลาโวนอยด์ (Flavonoids), และกรดอะมิโน
  • ช่วยลดน้ำตาลในเลือด บำรุงผิว ผ่อนคลายความเครียด

ขั้นตอนการแปรรูป (แบบพื้นฐาน)

  1. เก็บใบไผ่แก่ที่สะอาด ไม่มีคราบรา ไม่โดนสารเคมี
  2. ล้างด้วยน้ำสะอาด แล้วสะเด็ดน้ำให้แห้ง
  3. ตากแดดบางหรืออบลมร้อน จนกรอบสนิท (ไม่ให้เก็บความชื้น)
  4. อาจนำไปอบซ้ำที่ 60–70°C ประมาณ 1–2 ชม. เพื่อฆ่าเชื้อ
  5. บดหยาบหรือหั่นเป็นชิ้นเล็ก สำหรับชง
  6. บรรจุในถุงซิปล็อก หรือถุงชงสำเร็จรูป พร้อมติดฉลาก

ข้อมูลเพิ่มเติม

สามารถเพิ่มมูลค่าด้วยการ ผสมสมุนไพรอื่น ๆ เช่น ตะไคร้ ขิง ใบเตย

น้ำหน่อไม้ (Bamboo Shoot Juice)

น้ำหน่อไม้ (Bamboo Shoot Juice)

น้ำหน่อไม้ (Bamboo Shoot Juice)

เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้จาก “น้ำแช่หน่อไม้” หรือ “น้ำต้มหน่อไม้” โดยผ่านการกรองและปรับปรุงคุณภาพให้สะอาด พร้อมดื่ม หรือใช้ปรุงอาหาร

วัตถุดิบหลัก

น้ำจากการลวก/ต้มหน่อไม้สด (โดยเฉพาะจากไผ่เลี้ยงหวาน, ไผ่กิมซุง)

ขั้นตอนการแปรรูป (แบบพื้นฐาน)

  1. ต้มหน่อไม้ในน้ำสะอาด จนเดือดและมีรสหอม (อย่าใส่เกลือ)
  2. แยกน้ำที่ได้ พักให้เย็นแล้วกรองด้วยผ้าขาวบางหรือตะแกรงละเอียด
  3. นำไปต้มอีกครั้งให้เดือดเพื่อฆ่าเชื้อ
  4. ปรับรส (ถ้าต้องการดื่ม) เช่น เติมน้ำผึ้งเล็กน้อย หรือกลิ่นใบเตย
  5. บรรจุขณะร้อนลงขวดแก้วหรือขวดพลาสติกทนร้อน
  6. ปิดฝาให้แน่น แล้วผ่านกระบวนการ พาสเจอไรซ์ (80–85°C) ประมาณ 10 นาที
  7. เก็บในตู้เย็นได้ 7–10 วัน หรือพัฒนาเป็นสินค้าบรรจุ shelf-stable ได้

สรรพคุณ (ตามภูมิปัญญา)

  • ขับปัสสาวะ
  • ลดความร้อนในร่างกาย
  • ช่วยระบบย่อยอาหาร
ไผ่หอมอบห้อง (Bamboo Aroma Stick / Bamboo Charcoal Aroma)

ไผ่หอมอบห้อง (Bamboo Aroma Stick / Bamboo Charcoal Aroma)

ไผ่หอมอบห้อง (Bamboo Aroma Stick / Bamboo Charcoal Aroma) 

เป็นผลิตภัณฑ์ไผ่ที่ให้กลิ่นหอมแบบไม้ธรรมชาติ ใช้แทนไม้หอม หรือ diffuser นิยมผลิตจาก ไผ่เล็ก–ลำบาง เช่น ไผ่รวก, ไผ่ปล้อง, ไผ่แห้ง

ขั้นตอนการทำ

  1. ตัดไผ่เป็นท่อนเล็กขนาด 10–20 ซม. ปอกเปลือกเล็กน้อยเพื่อเปิดผิว
  2. ตากแดดหรืออบให้แห้งสนิท (ความชื้น < 10%)
  3. นำไป รมควันด้วยสมุนไพรหอม เช่น ใบเตย ตะไคร้แห้ง ใบมะกรูด (รม 2–4 ชม.)
  4. แช่ใน น้ำมันหอมระเหยผสมแอลกอฮอล์ (เช่น lavender, citronella) 1–2 วัน
  5. นำมาบรรจุในถุงผ้าตาข่าย หรือกล่องไม้พร้อมฉลาก

การใช้งาน

  • วางในห้อง, ตู้เสื้อผ้า, รถยนต์, ห้องน้ำ
  • กลิ่นหอมติดนาน 2–4 สัปดาห์ (สามารถเติมน้ำมันหอมระเหยได้เรื่อย ๆ)
ไผ่กดทับลาย (Compressed/Patterned Bamboo Board)

ไผ่กดทับลาย (Compressed/Patterned Bamboo Board)

เป็นการแปรรูปไผ่ให้กลายเป็น วัสดุปูพื้น–ทำเฟอร์นิเจอร์ โดยการ อัดไผ่เข้าด้วยกันภายใต้แรงดันสูง พร้อมสร้าง “ลวดลายจากธรรมชาติ” หรือ ลายที่ควบคุมได้

ขั้นตอนการทำ

  1. ผ่าไผ่เป็นแผ่นบาง หรือแถบยาว
  2. ต้ม/แช่ไผ่ในน้ำด่างอ่อนหรือไอน้ำเพื่อไล่แป้ง ลดความหวาน
  3. ตากหรืออบแห้งจนไผ่มีความชื้น 8–12%
  4. นำไปอัดด้วยแรงดันสูง (hot press) ที่อุณหภูมิ 120–150°C เป็นแผ่น
  5. เพิ่มความสวยงามโดยการจัดลวดลายก่อนอัด (เรียงแนวนอน/แนวตั้ง หรือบิดทแยง)
  6. เคลือบผิวด้วยน้ำยาเรซิน หรือสารกันปลวก
  7. ขัดผิวให้เรียบ ใช้ทำ : พื้นไม้ไผ่ หน้าบานเฟอร์นิเจอร์ ของใช้ตกแต่งบ้าน

ลักษณะเด่น

  • แข็งแรงกว่าผิวไม้จริงในบางชนิด
  • มีลายไม้ไผ่เฉพาะตัว
  • ใช้วัตถุดิบเหลือใช้จากงานจักสาน/ตัดลำได้ดี
แนวทางการพัฒนาต่อ

แนวทางการพัฒนาต่อ

  • ต่อยอดเป็น “ชาสมุนไพรจากป่าไผ่"
  • พัฒนาแพ็กเกจพรีเมียมส่งออก/ตลาดสุขภาพ
  • เพิ่มสารออกฤทธิ์ด้วยการเลือกพันธุ์เฉพาะและเก็บในช่วงเวลาเหมาะสม