การตอนกิ่ง
เทคนิคนี้เหมาะกับไผ่ที่ชำกิ่งยาก เช่น ไผ่ซางหม่น ไผ่เลี้ยง ไผ่ตง ฯลฯ โดยอาศัยความสามารถของ ข้อไผ่ ซึ่งเป็นบริเวณที่มีตาและศักยภาพในการออกรากและหน่อใหม่
การคัดเลือกกิ่ง (ลำไผ่ที่มีข้อ)
- เลือกลำไผ่ที่มีอายุประมาณ 6–10 เดือน
- เลือก ข้อไผ่กลางลำ ที่มี “ตา” ชัดเจน ไม่แห้ง ไม่บอด
- ลำควรมีความเขียว ชุ่มน้ำ ไม่แก่เกินไป และยังมีชีวิต
- ลำที่อยู่ ใกล้พื้นหรือลำข้างที่โน้มลง จะเหมาะกับการตอนมากกว่าลำตั้งตรง
การเตรียมกิ่ง (ข้อไผ่)
- ให้ใช้วัสดุชื้น เช่น
- ขุยมะพร้าวหมัก
- แกลบดำ
- ดินร่วนผสมปุ๋ยคอก
- หากต้องการเร่งราก ให้ผสม ฮอร์โมนธรรมชาติ เช่น น้ำมะพร้าวแก่ หรือจุลินทรีย์เร่งราก
วิธีการตอน 2 แบบ
1. แบบห่อรอบข้อไผ่ (Culm Node Wrapping):
- นำวัสดุปลูกที่ชื้นมาหุ้มรอบข้อไผ่ที่มีตา
- พันด้วยพลาสติกใสหรือถุงดำให้มิดแน่น มัดหัว–ท้าย
- ดูแลอย่าให้วัสดุแห้ง ควรรดละอองน้ำหรือฉีดพ่นน้ำหากจำเป็น
- รากจะเริ่มงอกภายใน 30–45 วัน
2. แบบวางแนวนอน (Node Ground Layering):
- ตัดลำไผ่ให้มี 2–3 ข้อ แล้ววางลงบนดินชื้นโดยให้ “ข้อกลางสัมผัสดิน”
- กลบด้วยวัสดุเพาะสูง 5–10 ซม. คลุมด้วยฟางหรือใบไม้แห้ง
- รักษาความชื้นสม่ำเสมอ
- รากและหน่อใหม่จะเริ่มออกภายใน 2–4 สัปดาห์
แนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพในการตอนกิ่งไผ่
- ใช้ลำไผ่ที่อวบ เขียว และมีตาชัดเจน
- ทำตอนในช่วงต้นฤดูฝน หรือตั้งระบบรดน้ำหมอกในฤดูแล้ง
- ใช้วัสดุห่อที่ เก็บความชื้นได้ดี เช่น ขุยมะพร้าว + แกลบดำ
- คลุมจุดตอนด้วย พลาสติกดำหรือฟาง เพื่อป้องกันความร้อนและระเหย
- ใช้ ฮอร์โมนเร่งรากชีวภาพ ช่วยกระตุ้นการแตกรากเร็วขึ้น
ข้อดี
- ได้ต้นพันธุ์ที่ เหมือนต้นแม่แน่นอน
- รากที่เกิดมามีความแข็งแรง
- เหมาะกับพันธุ์ไผ่ที่ชำกิ่งไม่ค่อยติด
- ไม่จำเป็นต้องขุดหรือรบกวนรากของต้นแม่
- เหมาะกับการขยายพันธุ์ในสวนขนาดเล็กถึงปานกลาง
ข้อจำกัด
- ใช้เวลานานกว่าเมื่อเทียบกับการชำเหง้า
- ต้องควบคุมความชื้นอย่างใกล้ชิด
- ปริมาณการผลิตต่อลำจำกัด (ทำได้เฉพาะบางข้อ)
- หากตาไผ่แห้งหรือบอด จะไม่สามารถเกิดรากได้